กอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า จัดนิทรรศการแสดงผลงานรอบ ๖ เดือน
ที่มา
หนังสือพิมพ์ข่าวสด และมติชน วันที่ ๒๘ และ ๒๙ เม.ย.๕๙
โดย
ศปชส.กอ.รมน.ภาค ๔ สน.
อาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งนำโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า
ซึ่งมีศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้
และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ
ร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานในรูปแบบการจัดนิทรรศการ
โดยรวบรวมผลการปฏิบัติงานที่ดำเนินในรอบ ๖ เดือน
มาให้สื่อมวลเข้ารับชมและฟังการแถงผล ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔
ส่วนหน้า เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ โดยมีสื่อมวลชนกว่าครึ่งร้อยร่วมกิจกรรม
นิทรรศการและการแถลงผลการปฏิบัติงานครั้งนี้
พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ได้สั่งการให้นำผลการปฏิบัติที่สำคัญๆ
ที่ขับเคลื่อนตามตามยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งแบ่งออกเป็น ๗
กลุ่มงาน กลุ่มงานแรกคือ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาได้มีการบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่ ๓
ฝ่ายอย่างเป็นเอกภาพ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย
ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมาย และที่สำคัญคือความร่วมมือจากภาคประชาชนในการแจ้งเบาะแส
ทำให้การติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในห้วงที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดสิ่งอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ในการก่อเหตุได้จำนวนมาก
ตรวจพบฐานปฏิบัติการหลายแห่ง
ตลอดจนสามารถทำลายความพยายามในการลอบวางระเบิดหลายสิบครั้ง
สามารถควบคุมตัวบุคคลเป้าหมาย ๑๒๖ ราย มีทั้งผู้ที่ติดหมาย ป.วิอาญา หมาย พรก.ฉุกเฉิน
และผู้ต้องสงสัย และที่สำคัญซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน คือ
สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่บุกโรงพยาบาลเจาะไอร้องเมื่อต้นเดือนมีนาคม
พร้อมของกลางพยานหลักฐาน
คือจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้
นอกจากนี้ยังได้จัดชุดปฏิบัติการเข้าไปพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว อำเภอระแงะ
จังหวัดนราธิวาส สถานที่เตรียมการก่อเหตุ สามารถยึดค่ายพักพร้อมของกลาง เช่น
เสื้อผ้าชุดทหาร และอุปกรณ์ประกอบระเบิดอีกหลายรายการ
สำหรับเหตุการณ์คนร้ายปล้นรถยนต์ของประชาชนนำไปประกอบวัตถุระเบิดและให้เจ้าของรถนำไปจอดเพื่อก่อเหตุบริเวณเทศบาลนครยะลาเมื่อวันที่
๕ เมษายน ๒๕๕๙ ขณะนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ๔ ราย โดย ๒ ใน ๔ มีสารพันธุกรรม
(DNA)
ตรงกันบนวัตถุพยานของการก่อเหตุ
และเป็นผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุในห้วงที่ผ่านมา ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟจะนะ
จังหวัดสงขลาเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙
สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมหลักฐานที่เป็นเครื่องแต่งกายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด
อีกทั้งมีประวัติการก่อเหตุซึ่งมีหมายจับหมายคดี
เหล่านี้คือประสิทธิภาพในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในห้วงที่ผ่านมา
อันเกิดจากระบบการจัดการและบูรณาการอย่างเป็นเอกภาพ
สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น
ส่วนการแก้ไขปัญหาด้านผู้มีอิทธิพล
ของเถื่อน บ่อนการพนัน และยาเสพติด
สามารถติดตามจับกุมตรวจยึดของกลางและสิ่งผิดกฎหมายจากเครือข่ายยาเสพติด
น้ำมันเถื่อน ป่าไม้ สินค้าหลบหนีภาษี บ่อนการพนัน และเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่
๑๐๑ ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหา/เชิญตัวผู้ต้องสงสัย ๕๑๔ คน
ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ไม้แปรรูป น้ำมันหลบเลี่ยงภาษี รวมทั้งเงินสดจำนวนมาก
ส่งผลให้สามารถตัดการสนับสนุนการก่อเหตุร้ายแรงในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังได้ดำเนิน โครงการญาลันนันบารู ปัจจุบันมีสมาชิกรวม ๖๗,๒๘๘ คน
และมีสมาชิกผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ณ ปอเนาะญาลันนันบารูบ้านเกาะแลหนัง
ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้ว ๒๘๘ คน
ด้านการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่และคุณภาพชีวิตประชาชน
โดยการขับเคลื่อนผ่านโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข
โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน
ซึ่งกำลังขณะนี้กำลังดำเนินการในระยะที่ ๒
คือการสำรวจและรวมรวมความต้องและปัญหาความเดือดร้อน
เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนงานโครงการและลงสู่ประชาชนในระยะที่ ๓ ต่อไป
รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ บูโด-สุไหงปาดี ซึ่งเป็นปัญหามานานนับ ๑๐ ปี
ขณะนี้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคได้ออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินไปแล้วจำนวนหนึ่ง
ส่วนการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี
ได้จัดตั้ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมการเลี้ยงไก่เนื้อและสร้างโรงงานแปรรูปไก่
และที่สำคัญได้จัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราต้นแบบในพื้นที่ อำเภอยะหา และ
อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา สามารถรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกร
ในราคาสูงกว่าท้องตลาด มีขีดความสามารถรับซื้อได้วัน ๑๐ ตัน
ซึ่งส่วนหนึ่งนำไปผสมกับยางมะตอยในโครงสร้างถนนยางพารา ๓๗ เส้นทาง
ด้านการศึกษา
ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม
ได้ส่งเสริมศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาให้กับเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้วยโครงการ “ติวข้น...ค้นฝัน” ให้กับนักเรียนมัธยมปลายทำให้สามรการสอบเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาในปี
๒๕๕๙ โดยการสอบตรงจำนวน ๑,๔๖๖ คน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนตั้งห้องเรียนพิเศษ
คณิตศาสตร์ – วิทยาศาสตร์ ( Scince And Mathematics
Program) ให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ๑๘ โรงเรียน
เพื่อเพิ่มทักษะทางการศึกษา ให้มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์มากขึ้น
หรับการสนับสนุนด้านศาสนาได้สนับสนุนให้ประชาชนมีโอกาส ประกอบศาสนกิจตามหลักศรัทธา
ด้วยการสนับสนุนงบประมาณให้พี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ
และนับถือศาสนาอิสลามเดินทางแสวงบุญที่ประเทศอินเดียและประเทศซาอุดิอาระเบีย ๗๖๐
คน
ด้านการอำนวยความยุติธรรม
ดำเนินการให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งด้วยการชดใช้ค่าเสียหายด้วยเยียวยาด้านจิตใจ
ด้วยการสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนการบังคับใช้กฎหมายได้นำหลักนิติวิทยาศาสตร์และหลักสิทธิมนุษยชนมาสนับสนุนการปฏิบัติงาน
รวมทั้งการมีส่วนร่วมจากผู้นำศาสนาในคลี่คลายสถานการณ์
ตามแนวทางการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี
เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูล และหนุนเสริม
กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้กลุ่มองค์กรต่างๆ รวมทั้งผู้เห็นต่าง
ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา แสดงความคิดเห็น ผ่านเวทีสาธารณะ
รวมทั้งขับเคลื่อนโครงการพาคนกลับบ้าน ดำเนินชีวิตอย่างปกติ
ปัจจุบันมีผู้เข้ารายงานตัวทั้งสิ้น ๓,๘๓๗ คน
สำหรับการการดำเนินในห้วงต่อไป
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า
ยังคงดำรงความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาเชิงสันติวิธี
ด้วยการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย ภายใต้การบูรณาการกำลังร่วม ๓ ฝ่าย
และกำลังภาคประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และการขับเคลื่อนโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุขให้บรรลุผลสัมฤทธิ์
อย่างเป็นรูปธรรม
ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
เพื่อยุติสถานการณ์ความรุนแรงได้อย่างแท้จริง เพื่อส่งผ่านการแก้ไขปัญหาสู่ ระยะที่ ๓ คือการเสริมสร้างสันติสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น