วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รอมฎอนเดือนแห่งสันติสุข

ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๙
โดย ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค ๔ สน.
     เดือนรอมฎอน เดือนแห่งการถือศีลอดตามศาสนาอิสลาม ปีนี้เริ่มต้นวันที่ ๗  เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๙ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามจะงดเว้นจากการรับประทานอาหาร และดื่มน้ำ รวมทั้งการกระทำที่จะนำไปสู่ความเสื่อม รักษาร่างกายจิตใจให้บริสุทธิ์ เปรียบประดุจการเตรียมตัวเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับความเมตตาและอภัยโทษ อีกทั้งมุ่งมั่น ทำความดีเพื่อรับผลตอบแทนด้วยผลบุญที่มากกว่าเดือนอื่นๆ เป็นทวีคูณ ถือเป็นเดือนอันประเสริฐที่ชาวมุสลิมทั้งหลายต่างรอคอย 
     จังหวัดชายแดนภาคใต้ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีความศรัทธาและปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องยิ่งปัจจุบันความตื่นตัวในการปฏิบัติของประชาชนมีมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการออกมาร่วมละหมาดในเวลากลางคืน ในมัสยิดทุกแห่ง นำความเปลี่ยนแปลงสู่วิถีชีวิตและวิถีสังคมที่นิยมปฏิบัติและศรัทธาในศาสนาอย่างน่าชื่นชม อย่างไรก็ตามก็มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น คือ ในห้วง ๓ – ๔ ปี ที่ผ่านมา เดือนรอมฎอน จะถูกนำมาเชื่อมโยงกับเหตุรุนแรง ที่ ผู้ไม่หวังดีพยายามสร้างสถานการณ์โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าและความสำคัญของเดือนรอมฏอน ทั้งนี้ก็เพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ รวมทั้งสื่อมวลชนเองมักนำเสนอข่าวในเชิงเปรียบเทียบทางสถิติ ทำให้เดือนรอมฎอนกลายเป็นเดือนแห่งการติดตามและเฝ้าระวังการก่อเหตุร้าย ส่งผลให้ภาพลักษณ์และคุณค่าของเดือนรอมฎอน ต้องด่างพร้อยและหม่นหมอง ผู้นำศาสนาและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกันเพื่อรักษาคุณค่าและความบริสุทธิ์ไว้  อีกทั้งเพื่อรักษาความสงบสุขให้ประชาชนสามารถปฏิบัติกิจสำคัญได้อย่างสมบูรณ์ จึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการต่างๆ ขึ้นทั้งด้านการป้องกันเหตุร้าย การอำนวยความสะดวก และการส่งเสริม รวมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องมุสลิมร่วมประกอบศาสนกิจได้อย่างมั่นใจและพร้อมเพรียง  

     แท้จริงแล้ว มาตรการรักษาความปลอดภัยในช่วงเดือนรอมฎอน ได้มีมาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๗ แล้วและมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างเป็นระบบ ในช่วง ๔ – ๕ ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า มอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจทุกหน่วย กำหนดมาตรการไม่ให้เกิดเหตุร้ายทำลายบรรยากาศและรบกวนการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ที่ประชาชนส่วนใหญ่ จะรวมตัวละหมาด    ตะรอเวียะห์ ที่มัสยิดและจะเดินทางไปมาหาสู่กันในเวลากลางคืน โดยปรับการปฏิบัติของจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ให้ อำนวยความสะดวก ผ่อนปรนการปฏิบัติในห้วงเวลาสำคัญ รวมทั้งบริการแจกจ่ายน้ำดื่มกับผลอินทผาลัมสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทางใกล้เวลาละศีลอดให้สามารถละศีลอดได้ตามกำหนดเวลา
     ส่วนด้านการส่งเสริม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สนับสนุนปัจจัยในการละศีลอด เช่น ข้าวสาร น้ำตาล รวมทั้งผลอินทผาลัม  ให้กับมัสยิด ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนเงินเป็นค่าเลี้ยงอาหารละศีลอด สำหรับผู้ที่เอี๊ยะติกัฟพักแรมในมัสยิด ๑๐ วันสุดท้ายด้วย ส่วนราชการอื่นๆ ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ได้แจกจ่ายปัจจัยต่างๆ ไปยังประชาชนจนถึงครัวเรือน รวมทั้งให้บริการด้านสุขภาพโดยศูนย์แพทย์ทหารบกจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่คอยให้คำแนะนำ และรักษาสุขภาพให้กับประชาชนที่เจ็บป่วย ทั้งใน ที่ตั้งและพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมละศีลอดในช่วงรอมฎอน สืบเนื่องกันมาจนกลายเป็นวัฒนธรรม
     ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวน พี่น้องมุสลิมร่วมปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดทำปฏิทินแสดงเวลาละศีลอดในแต่ละวัน แจ้งเตือนเวลาละศีลอดทางวิทยุกระจายเสียงในแต่ละจังหวัดเป็นประจำทุกวัน และที่สำคัญได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ที่หลบหนีจากการถูกสงสัยให้เข้ารายตัวกลับมาร่วมปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนกับครอบครัว และเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีผู้ต้องสงสัยตามหมายต่างๆ กลับเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญได้จัดให้มีพิธีละหมาดฮายัต ขอพรให้ปราศจากเหตุรุนแรงในช่วงรอมฎอน และออกแถลงการณ์เชิญชวนแนะนำให้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง  พร้อมจัดเวทีเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับความสำคัญของเดือนรอมฎอน เผยแพร่ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียง และทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศ
     เช่นเดียวกับปีนี้ พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ ๔/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ได้ให้ความสำคัญโดยสั่งการให้เตรียมการตั้งแต่ก่อนเข้าเดือนรอมฎอน ซึ่งได้มีการประชุมประสานงานกับส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมในทุกด้าน รวมทั้งด้านการประชาสัมพันธ์โดยจัดทำแผนปฏิบัติต่างๆ เช่น วันที่ ๓๐ พฤษภาคม จัดให้มีการแถลงข่าวเชิญชวนประชาชนร่วมละหมาดฮายัต ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ในวันที่ ๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ พร้อมรับฟังแถลงการณ์ร่วม และการเสวนาของผู้นำศาสนา 
     ซึ่งการเสวนาในปีนี้ มีผู้นำศาสนาและนักวิชาการร่วมเสวนาจำนวน ๓ ท่าน ประกอบด้วย  ดร.อิสมาแอลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ดร.วิสุทธิ์  บินล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักจุฬาราชมนตรี และนายอับดุลฮาซิส  กาแบ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา หัวข้อ “รอมฎอนสันติสุข คืนความสุขสู่ชายแดนใต้” โดยเวทีเสวนาชี้ให้เห็นว่า การถือศีลอดด้วยการงดการกระทำความชั่ว มีความตักวา (ความศรัทธาที่แท้จริง) เกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ ที่จะกระทำความผิด และผลของความมุ่งมั่นทำความดีมีความเมตตาปฏิบัติตามหลักการศาสนาและแบบอย่างของศาสดา ซึ่งนอกจากทำให้รับผลตอบแทนด้วยผลบุญอันมหาศาลแล้ว ยังส่งผลต่อความสงบสุขต่อตนเอง ต่อชุมชมปราศจากเหตุร้ายรุนแรง เป็นสังคมสมานฉันท์นำสันติสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นเอง   พร้อมนี้ ผู้นำศาสนาได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เชิญชวนพี่น้องชาวไทยมุสลิมร่วมปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน อย่างเคร่งครัด ลด ละ เลิก สิ่งอบายมุข ตลอดจนการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อสังคม ปฏิบัติตนตั้งมั่นในความดี ตลอดเดือนรอมฎอน และตลอดไป 
     เป็นที่น่ายินดีว่าหลังการเข้าสู่เดือนรอมฎอน ในช่วง ๓ สัปดาห์แรก ของปีที่ผ่านมา ไม่ปรากฏเหตุรุนแรงใดๆ การปฏิบัติศาสนกิจเป็นไปอย่างสงบสุข สร้างความรู้สึกยินดีให้กับทุกฝ่าย นับว่าเป็นห้วงระยะเวลาที่เงียบสงบยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมานับจากปี ๒๕๔๗ กล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น ในการลดลงของความรุนแรงมาจนปัจจุบัน และเชื่อว่าเดือนรอมฎอนปีนี้ จะเป็นช่วงแห่งความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง ตามที่ทุกฝ่ายรอคอย 


 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น